วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ซอฟแวร์ software

ซอฟต์แวร์ (อังกฤษsoftware) หรือ ส่วนชุดคำสั่ง [1] หรือบางครั้งมีการสะกดว่า ซอฟ‌ท์แวร์ เป็นส่วนของระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ซอฟต์แวร์นั้นนอกจากจะสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ยังสามารถใช้งานบนเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์อื่น เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือหุ่นยนต์ในโรงงาน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ คำว่า "ซอฟต์แวร์" ใช้ครั้งแรกโดย จอห์น ดับเบิลยู. เทอร์กีย์ (John W. Turkey) ในปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) โดยแนวคิดของซอฟต์แวร์ปรากฏครั้งแรกในเรียงความของแอลัน ทัวริง บิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ กล่าวกันว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชิ้นแรกของโลกเขียนโดยเอดา ไบรอน เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับเครื่องวิเคราะห์ (analytical engine) ของชาร์ลส แบบเบจ

ความสัมพันธ์กับฮาร์ดแวร์

ซอฟต์แวร์ เป็นชื่อเรียกเพื่อใช้เปรียบต่างกับฮาร์ดแวร์ ซึ่งเป็นลักษณะทางกายภาพในการเก็บและประมวลผลของซอฟต์แวร์ ในคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์จะถูกเรียกใช้งานในแรมและประมวลผลผ่านซีพียู

ประเภทของซอฟต์แวร์


หน้าจอของโปรแกรมประยุกต์ เว็บเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์
การแบ่งประเภทของซอฟต์แวร์แบ่งออกได้เป็นหลายแบบ เช่น
  1. การแบ่งเชิงเทคนิค อาจแบ่งซอฟต์แวร์เป็น 3 ประเภทหลักคือ
  2. การแบ่งตามรูปแบบการส่งมอบ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ
    • ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Package software) ซอฟต์แวร์ที่มีการขาย ให้เช่า หรือให้บริการ โดยคิดค่าบริการเป็น transaction หรือ license
    • ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเงินเดือน (Outsources software development) เป็นการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานเฉพาะกับงานประเภทต่าง ๆ เฉพาะกิจกรรมไป ส่วนใหญ่ลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์นี้จะเป็นของผู้ที่ว่าจ้างให้พัฒนาขึ้น
  3. การแบ่งตามประเภทของการนำไปใช้งานหลัก แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ
    • ซอฟต์แวร์ช่วยในการบริหารจัดการทั่วไป (Enterprise software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับการทำงานเพื่อแก้ปัญหา/จัดการทรัพยากรของ บุคคล/องค์กร เช่น ซอฟต์แวร์บัญชี ซอฟต์แวร์จัดทำเอกสาร เป็นต้น
    • ซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก (Mobile applications software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานผ่านระบบปฏิบัติการพิเศษบนอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ PDA โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ (1) ซอฟต์แวร์เพื่อสนับสนุนธุรกรรมทางธุรกิจ (Business applications) เช่น Mobile banking, Mobile payment, GPS on Mobile, Mobile applications for business process management และ(2) ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการและบันเทิง (Entertainment applications) ซึ่งรวมเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
    • ซอฟต์แวร์สมองกลฝังตัว (Embedded System Software) เป็นซอฟต์แวร์ซึ่งฝังอยู่ไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อใช้สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์นั้นๆ เช่น ระบบ GPRS ระบบทำความเย็นอัจริยะ ระบบตรวจสอบย้อนกลับ เป็นต้น

ซอฟต์แวร์ กับ ไลบรารี

ซอฟต์แวร์แตกต่างกับไลบรารี คือซอฟต์แวร์สามารถนำมาประมวลผลได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่ไลบรารีเป็นส่วนประกอบของซอฟต์แวร์และไม่สามารถนำมาใช้ประมวผลด้วยตนเองได้

ซอฟต์แวร์ระบบ
คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ จัดการอุปกรณ์รับเข้าและส่งออก การรับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระ การแสดงผลบนจอภาพ การนำข้อมูลออกไปพิมพ์ยังเครื่องพิมพ์ การจัดเก็บข้อมูลเป็นแฟ้ม การเรียกค้นข้อมูล การสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการประสานงานกับซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซอฟต์แวร์ระบบจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์ระบบที่รู้จักกันดี คือ ระบบปฏิบัติการ(operating sytem) เช่น เอ็มเอสดอส ยูนิกซ์ โอเอสทู วินโดวส์ ลินุกซ์ เป็นต้น
คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้หากปราศจากระบบปฏิบัติการ ซึ่งช่วยให้มนุษย์ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ เราสามารถสั่งงานผ่านระบบปฏิบัติการให้คอมพิวเตอร์คำนวณ ให้แสดงภาพให้พิมพ์ข้อความหรือผลลัพธ์ออกมาทางเครื่องพิมพ์เนื่องจากระบบปฏิบัติการทำหน้าที่ประสานงานระหว่างโปรแกรมต่างๆ กับฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำ หน่วยรับเข้า และหน่วยส่งออก ซอฟต์แวร์ประยุกต์ไม่ว่าประเภทใดล้วนแต่ต้องทำงานบนระบบปฏิบัติการทั้งสิ้นเนื่องจากคอมพิวเตอร์จะไม่ทำงานถ้าไม่มีระบบปฏิบัติการ การเริ่มใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกครั้งจึงต้องบรรจุ( load ) ระบบปฏิบัติการเข้าไว้ในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะให้เครื่องเริ่มทำงานอย่างอื่น                         
ระบบปฏิบัติการกับการปฏิบัติงานของคอมพิวเตอร์
ระบบปฏิบัติการทำหน้าที่ประสานงานหรือกำกับดูแลการงานของคอมพิวเตอร์ ในการกำหนดว่าจะเก็บโปรแกรมหรือข้อมูลไว้ในส่วนใดของหน่วยความจำ ดูแลการติดต่อระหว่างส่วนต่างๆของคอมพิวเตอร์กับโปรแกรมใช้งาน หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ควบคุมการส่งสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ขึ้นไปปรากฏบนจอภาพ ควบคุมการพิมพ์ ตัวอย่างเช่น ควบคุมการแปลสัญญาณจากแป้นพิมพ์ให้เครื่องรับรู้ ควบคุมการบันทึกหรือการอ่านข้อมูลของเครื่องขับแผ่นบันทึก นอกจากนี้ในปัจจุบันการทำงานในลักษณะกลุ่ม และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาทในการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง ทำให้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาในระยะหลังๆจำเป็นต้องมีความสามารถในการทำงานและให้บริการบนเครือข่ายเพิ่มขึ้นโดยระบบปฏิบัติการมีหน้าที่จัดการงานในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จัดสรรให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมในเครือข่ายสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกัน  เช่น     การใช้งานเครื่องพิมพ์ร่วมกัน และ  ควบคุมดูแลการใช้งานข้อมูลส่วนกลางซึ่งอยู่ในเครื่องที่ทำหน้าที่เป็นแม่ข่าย โดยสามารถกำหนดสิทธิในการเข้าใช้ข้อมูลของผู้ใช้ที่อยู่ในกลุ่ม มีระบบป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับข้อมูล
ประเภทของระบบปฏิบัติการ
เนื่องจากระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้แต่ด้วยเครื่องคอมพิวคอมพิวเตอร์ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานทั่วไปจะมีคุณสมบัติและการทำงานที่แตกต่างจากคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น มินิคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องให้บริการที่ต้องคอยให้บริการและดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นบริวารจำนวนมากระบบปฏิบัติการที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทนี้จึงต้องมีความซับซ้อนกว่าระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์และเราสามารถแบ่งประเภทของระบบปฏิบัติการตามลักษณะการทำงานได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1) ประเภทใช้งานเดียว (single-tasking) ระบบปฏิบัติการประเภทนี้จะกำหนดให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้ครั้งละหนึ่งงานเท่านั้น ใช้ในเครื่องขนาดเล็กอย่างไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปฏิบัติการดอส
2) ประเภทใช้หลายงาน (multitasking) ระบบปฏิบัติการประเภทนี้สามารถควบคุมการทำงานพร้อมกันหลายงานในขณะเดียวกัน ผู้ใช้สามารถทำงานกับซอฟต์แวร์ประยุกต์ได้หลายชนิดในเวลาเดียวกัน โดยระบบปฏิบัติการจัดสรรทั้งเวลาและเนื้อที่ที่ต้องใช้ในการประมวลผลคำสั่งของซอฟต์แวร์แต่ละชนิด เช่น แบ่งปันเวลาในการประมวลผลของซีพียูและแบ่งเนื้อที่ในหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลและคำสั่งของซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95 และ 98
3) ประเภทใช้งานหลายคน (multiuser)ในหน่วยงานบางแห่งอาจใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ทำหน้าที่ประมวลผล ทำให้ในขณะใดขณะหนึ่งมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมกันหลายคนแต่ละคนจะมีสถานีงานของตนเองเชื่อต่อกับคอมพิวเตอร์จึงต้องใช้ระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถในการจัดการสูง เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถทำงานเสร็จในเวลา ระบบปฏิบัติการในกลุ่มนี้ เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นท์ที
  ซอฟต์แวร์ประยุกต์
ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งถ้าโปรแกรมพัฒนาขึ้น เพื่อความต้องการเฉพาะขององค์การใดองค์การเหนึ่ง จะเรียกซอฟต์แวร์ประเภทนี้ว่า ซอฟต์แวร์เฉพาะงาน (custom program หรือ tailor-made software) ซึ่งข้อดีคือโปรแกรมสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความประสงค์ ของหน่วยงาน แต่ข้อเสียคือซอฟต์เวร์ประเภทนี้จะใช้เวลาในการพัฒนานาน และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้สำหรับงานทั่ว ๆ ไปที่เรียก general-purpose software หรือบางครั้งเรียกว่า โปรแกรมสำเร็จรูป (package software) เป็นซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ (commercial software) ที่ผู้ใช้สามารถซื้อไปประยุกต์ใช้งานได้ทันที
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่นิยมใช้สำหรับงานทั่วไป สามารถแบ่งตามประเภทของงานได้ดังนี้
โปรแกรมประมวลผลคำ (word processor)
เป็นโปรแกรมด้านการจัดทำเอกสาร นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า word ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเพื่อการผลิตเอกสาร ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รายงานจดหมาย บันทึกข้อความ หนังสือ และ สิ่งพิมพ์ทั่วไป โปรแกรมประมวลผลคำในปัจจุบันมีความสามารถในการใส่รูปภาพ ตาราง อักษรศิลป์ต่างๆ รวมทั้งยังมีเครื่องมือช่วยในการทำงานได้อย่างสะดวก เช่น ระบบการตรวจตัวสะกดและไวยากรณ์ เป็นต้น โปรแกรมประมวลผลคำที่นิยมใช้ในปัจจุบันนี้ ได้แก่ โปรแกรม Microsoft Word, WordPerfect และ Lotus Word Pro เป็นต้น
โปรแกรมด้านการคำนวณ (Spreadsheet)
เป็นโปรแกรมที่มีลักษณะตารางทำการ (Worksheet) เหมาะสำหรับงานการคำนวณตัวเลยในรูปแบบต่าง ๆ ตารางทำการประกอบด้วย ช่องตารางหรือเซลล์ (Cell) ที่เรียงเป็นแถวและคอลัมน์ สามารถป้อข้อมูลตัวอักษร ตัวเลข และสูตรการคำนวณได้ นอกจากนี้ยังสามารถ ใส่รูปภาพและจัดทำกราฟสถิติได้อย่างสวยงาม ลักษณะงานที่ใช้ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ เช่น การทำบัญชีงบกำไร – ขาดทุน รายงานการขาย การบันทึกคะแนนนักศึกษา ตัวอย่างซอฟต์แวร์สำเร็จรูปด้านการคำนวณ ได้ Microsoft Excel , Lotus 1-2-3 และ Quattro Pro เป็นต้น
โปรแกรมการนำเสนอข้อมูล (presentation)
เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ช่วยงานด้านการนำเสนอข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเป็นการนำเสนอข้อมูลให้กับผู้เข้าฟังการประชุม สัมมนา หรือการบรรยาย ในการเรียนการสอน โดยทั่วไปนิยมที่จะนำคอมพิวเตอร์ไปพ่วงต่อกับเครื่องฉายวิดีทัศน์ (LCD projector) หรือจอทีวีขนาดใหญ่ เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ฟังที่มีจำนวนมากได้ด้วย
โปรแกรมนำเสนอข้อมูล จะมีต้นแบบสไลด์ (Template) ให้เลือกใช้ได้หลายรูปแบบ มีแบบตัวอักษรและรูปภาพประกอบต่าง ๆ จำนวนมาก สามารถใส่เทคนิคและลูกเล่นต่าง ๆ โดยเฉพาะภาพเคลื่อนไหว แผนผังองค์กร และใช้สื่อประสม เช่น วิดีโอและเสียงประกอบได้
โปรแกรมการนำเสนอข้อมูลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ Microsoft PowerPoint ของบริษัทไมโครซอฟต์ และโปรแกรม Freelance Graphics ของบริษัท Lotus Development เป็นต้น
โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล (Database)
เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างข้อมูล เพื่อจัดเก็บและจัดการข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม แก้ไข หรือลบข้อมูล ตลอดจนการค้นหาข้อมูลตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากนี้โปรแกรมยังสามารถพิมพ์รายงานได้อย่างสวยงามอีกด้วย
ผู้ใช้โปรแกรมยังสามารถประยุกต์โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลกับงานด้านต่าง ๆ เช่น การจัดเก็บข้อมูลลูกค้า สินค้าคงคลัง ข้อมูลบุคลากร เป็นต้น
โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ Microsoft Access และ FoxPro เป็นต้น
โปรแกรมด้านงานพิมพ์ (desktop publishing)
เป็นโปรแกรมที่ใช้จัดหน้าสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เช่น แผ่นพับ หนังสือ นามบัตร ใบประชาสัมพันธ์ การออกแบบแผ่นพับ (Brochure) โปรแกรมสามารถนำรูปภาพเข้ามาเป็นส่วนประกอบของงานได้ด้วย โปรแกรมที่ใช้สำหรับงานพับงานพิมพ์ในปัจจุบัน เช่น Adobe PageMaker เป็นต้น
โปรแกรมกราฟิก (graphics)
เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการตกแต่งงานกราฟิกต่าง ๆ ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ
– โปรแกรมสำหรับตกแต่งภาพ
เป็นโปรแกรมช่วยในการวาดภาพและตกแต่งภาพให้สวยงาม โดยใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเหมือนดินสอ แปรง พู่กัน จานสี และอุปกรณ์ตกแต่ง ภาพอื่น ๆ ที่เลียนแบบของจริง นอกจากนี้ยังสามารถนำภาพที่ได้จากการสแกนภาพด้วยเครื่องสแกนเนอร์ (scanner) มาเชื่อมต่อในโปรแกรม เพื่อนำมาตกแต่งภาพได้
โปรแกรมด้านกราฟิกที่ใช้ตกแต่งภาพที่นิยมใช้ ได้แก่ Adobe PhotoShop, Microsoft Paint, CorelDraw เป็นต้น
– โปรแกรมช่วยออกแบบ
เป็นโปรแกรมที่ใช้ช่วยในการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม โปรแกรมช่วยออกแบบที่นิยมใช้ เช่น AutoCAD ซึ่งสามารถใช้ออกแบบงานต่าง ๆ เช่น บ้าน รถยนต์ ระบบไฟฟ้า แผงวงจร นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมออกแบบขนาดเล็กกว่า เช่น Generic Cadd และ Design Your Own Home เป็นต้น
โปรแกรมค้นหาข้อมูล (resource discovering software)
โปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างโปรแกรมด้านนี้ เช่น เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web หรือ WWW) อาร์ชี (archie) โกเฟอร์ (gopher) เป็นต้น แต่ในปัจจุบันเวิลด์ไวด์เว็บถือเป็นโลกแห่งข้อมูลข่าวสารที่ทุกคนควรรู้จัก ข้อมูลข่าวสารบนเวิลด์ไวด์เว็บเป็นรูปแบบสื่อประสม (multimedia) คือ สามารถดูภาพ อ่านข้อความ ฟังเสียง และดูวิดีโอภายในเว็บไซต์ (Web site) ของแหล่งข้อมูลที่เข้าเยี่ยมชมได้
นอกจากนี้บนเวิลด์ไวด์เว็บยังมีเครื่องมือที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เครื่องมือนี้เรียกว่าเครื่องค้นหา (search engine) ซึ่งบนเว็บไซต์ที่เก็บที่อยู่ของเว็บไซต์ต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตและเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลอะไรก็ไปยังเว็บไซต์ ของเครื่องค้นหาเหล่านี้ ตัวอย่างเว็บไซต์เครื่องค้นหา

โปรแกรมด้านติดต่อสื่อสาร (communication software)
เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้สะดวก รวดเร็ว และช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้ด้วย การสื่อสารอาจอยู่ในรูปของไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถส่งจดหมายถึงผู้รับได้ในทันที สามารถใช้แทนการส่งข้อความ โทรศัพท์ หรือแฟกซ์ เช่น บางองค์การธุรกิจใช้ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ในการรับ – ส่งใบซื้อสินค้าระหว่างประเทศ ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก
โปรแกรมในกลุ่มด้านการสื่อสาร ได้แก่
– โปรแกรมที่ใช้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข่าวสารผ่านกระดานข่าวมนนิวส์กรุ๊ป (newsgroup)
– โปรแกรมที่ช่วยในการโอนย้ายโปรแกรมหรือแฟ้มข้อมูลจากแหล่งข้อมูลในเครือจ่ายอินเทอร์มาใช้งานที่เครื่องของตนเองได้ด้วย เช่น FTP (file transfer protocol)
– โปรแกรมที่ใช้สนทนาพูดคุยโต้ตอบกัน เช่น ICQ,miRC,MS Chat เป็นต้น เป็นการสนทนากันโดยผ่านแป้นพิมพ์หรือสื่อประสมอื่น ๆ โดยสามารถโต้ตอบกันแบบคำต่อคำได้แบบทันทีด้วย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
โปรแกรมอรรถประโยชน์ (utility)
เป็นโปรแกรมที่เรียกใช้งานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ดูแลรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพของ เครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมสำหรับสำรองข้อมูลที่สำคัญในฮาร์ดดิสก์ (backup) โปรแกรมตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ในฮาร์ดดิสก์ โปรแกรมที่ช่วยในการจัดระเบียบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ เพื่อสามารถอ่านและบันทึกข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น โปรแกรมตรวจสอบไวรัส โปรแกรมบีบอัดข้อมูล เพื่อเพิ่มเนื้อที่ใช้งานในดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ให้มากขึ้น หรือโปรแกรมบีบอัดข้อมูลที่ต้องขยายก่อนจึงเรียกใช้งานได้ เช่น WinZip เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมอรรถประโยชน์เหล่านี้หลายโปรแกรม
ที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/ซอฟต์แวร์


จะใกัที่มาhttps://th.wikipedia.org/wiki/ซอฟต์แวร์


Lotte World


สวนสนุกล็อตเต้เวิลด์อยู่ในเขตซัมชิล (Jamsil-dong) ของกรุงโซล เป็นสวนสนุกอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในประเทศเกาหลี เพราะเดินทางไม่ไกลมากนัก และอยู่ในตัวเมืองเลยทีเดียว บริเวณสวนสนุกเป็นส่วนหนึ่งของห้างล็อตเต้เวิลด์ ใครต้องการแวะช้อปปิ้ง และไปต่อกันที่สวนสนุก ก็สามารถทำได้ การเดินทางมาที่นี่ ใช้เวลาแป๊บเดียว ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 หรือ 8 ลงที่สถานี Jamsil ทางออกที่ 3 แค่นึ้ก็ถึงแล้ว
สวนสนุกล็อตเต้เวิลด์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
- ส่วนแรกเป็นสวนสนุกในร่ม ถ้าดูตามป้ายหรือถามทางพนักงาน ส่วนนี้จะเรียกว่า Lotte World Adventure ส่วนนี้กินพื้นที่ทั้งหมด 4 ชั้น ภายในมีลานไอซ์สเก็ตที่กว้างมาก มีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เล่นกันเยอะเลย ถ้าได้นั่ง Balloon ก็จะเห็นลานไอซ์สเก็ตจากด้านบนดูสวยงามไปอีกแบบ มีบ้านผีสิง Tumb of Horror เป็นบ้านผีสิงแบบเกาหลีๆ บรรดาผีๆไม่น่ารักเหมือนสาวเกาหลีทั่วไปนะ แต่น่ากลัวอยู่เลยล่ะ มีการไขปริศนาเพื่อเปิดประตูไปยังด่านต่อไป ระหว่างทางเดินจะมืดมาก และมีผีมาทำให้ตกใจตลอดทางเลย หรือจะเลือกเล่นเครื่องเล่นอื่นๆพวก The Adventure of Sindbad, The Conquistador, Flume Ride, The French Revolution, Jungle Adventure และ Pharaoh's Fury เป็นต้น เครื่องเล่นที่นี่จะมีบัตรคิวให้ เพียงแค่นักท่องเที่ยวกดบัตรจองไว้ ถึงเวลาก็มาเล่นได้เลยไม่ต้องต่อแถวรอ เรียกว่า Magic Pass บัตรนี้ทำให้บริหารเวลาได้ดีมากเลยหล่ะ ^^
- จากนั้นก็เดินออกมาทางชั้น 2 ของ Lotte World Adventure ก็จะพบความอลังการของสวนสนุกกลางแจ้งขนาดเล็ก หรือที่เรียกกว่าMagic Island บริเวณรอบๆจะมีน้ำล้อมรอบ เครื่องเล่นส่วนใหญ่ ออกแนวหวาดเสียวและตื่นเต้นมากกว่าเครื่องเล่นที่อยู่ในร่ม ทั้งวัยรุ่นทั้งผู้ใหญ่ที่ชอบความท้าทายเมื่อลงมาจากเครื่องเล่นพวกนี้ ก็ตาตื่นไปตามๆกัน เครื่องเล่นที่ฮิตๆติดอันดับและมีคนต่อคิวกันเยอะเลย ก็จะเป็นพวก Comet Express พวกรถไฟเหาะ ตีลังกา 360 องศา , ล่องแก่ง, Free Floor (Gyro Drop) , Atiantis, Bungee Drop, Gyro Swing และขาดไม่ได้เลยสำหรับสวนสนุกคือขบวนพาเหรดเอาใจพวกน้องๆ หนูๆ หรือจะเป็นโชว์ "World Carnival" ที่มีให้ชมทุกวัน และ Laser Show ซึ่งเป็นการแสดงแสงสีเลเซอร์ประกอบดนตรี สวยงามมากๆ ถือเป็นจุดเด่นของที่นี่เลย (แต่ถ้าอยากดูต้องอยู่ดึกหน่อยน่ะเพราะมันมีแสดงตอน 21.30 น.เลยหล่ะ) นักท่องเที่ยวที่มาล็อตเต้เวิลด์ก็ไม่ควรพลาดกับแหล่งที่เที่ยวรอบๆ มีทั้งโรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้าที่มีแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ มีร้านค้าที่มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ มีคาสิโน มี Wedding Hall มี Lotte World Star Avenue ด้านในจะมีภาพถ่ายหุ่นจำลองขนาดเท่าตัวจริงของดารานำจากละครเรื่องต่างๆ ให้บรรดาแฟนๆซีรี่ย์และดารานักร้องเกาหลีเข้าไปถ่ายรูปคู่ (แชะกันจุใจไม่อั้น) และชื่นชมอย่างใกล้ชิด เช่น เบยองจุน, ลียองเอ, เรน, ชอยจีวู, TVXQ, Big Bang เป็นต้น และมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ( Lotte World Folk Museum) ซึ่งเป็นการจัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเกาหลีตั้งแต่โบราณ สุดท้ายก่อนกลับไม่ควรพลาดการถ่ายรูปกับมาสคอต 2 ตัวที่ชื่อ "ล็อตตี้ Lotty" กับ "ลอร์รี่ Lorry" ด้วย
ที่มาkorea-guides.blogspot.com/2012/05/lotte-world.html

สัญลักษณ์ของคอมพิวเตอร์

โครงงานประดิษฐ์เคสโทรศัพท์(IS)


บทคัดย่อ
        ในปัจจุบันมีเคสโทรศัพท์ที่มีความสวยงามต่างๆขายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความสวยงามและเป็นที่ต้องการในกลุ่มวัยรุ่น แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีราคาสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น นับเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยการคิดค้นการประดิษฐ์เคสโทรศัพท์จากกาวร้อนขึ้นมา ซึ่งเป็นการผลิตที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ต้นทุนต่ำ การใช้สิ่งของเหลือใช้ที่มีอยู่ภายในบ้านและที่สำคัญยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย














กิตติกรรมประกาศ
        โครงงานการประดิษฐ์เคสโทรศัพท์จากกาวร้อน ได้รับความช่วยเหลือจากคุณครู พิมพิไล หล้าใจ ที่ให้คำปรึกษาแนะนำตลอดการดำเนินงาน และคุณครูประจำชั้น ที่มีการให้ความรู้ในการสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้เป็นอย่างดี คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆที่ทำให้ โครงงานการประดิษฐ์เคสโทรศัพท์จากกาวร้อนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี














บทที่1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
       ในปัจจุบันมีการผลิตเคสโทรศัพท์ที่มีความทันสมัย นิยมใช้ในกลุ่มวัยรุ่นเป็นจำนวนมากจึงทำให้เกิดการฟุ่มเฟือย เพราะสาเหตุเกิดจากการนำเงินเก็บไปใช้ในการซื้อเคสโทรศัพท์ที่มีราคาแพง นับเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของครอบครัว
        จากการสำรวจในบริเวณถนนคนเดิน ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ พบว่าเคสที่มีขายตามท้องตลาดนั้น มีราคาแพงเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงคิดค้นโครงงานนี้ขึ้นมา เพื่อช่วยลดปัญหาการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งจะเป็นการนำของใช้ในบ้านที่ไม่ได้ใช้แล้วมาทำเป็นเคสโทรศัพท์อันใหม่ อีกทั้งยังลดการหลกซื้อในราคาที่สูงกว่าปกติ
        จากการที่กลุ่มของข้าพเจ้าได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้นมา นีเป็นอีกทางนึงที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว แล้วนำเงินที่จะนำไปซื้อเคสโทรศัพท์ที่มีราคาแพง มาเป็นเงินออมแทน ทำให้ชีวิตมีภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น
วัตถุประสงค์
1.เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเอง
2.เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3.เพื่อลดรายจ่ายให้กับตนเอง
สมมติฐานของการศึกษา
        เคสโทรศัพท์ที่ผู้จัดทำประดิษฐ์ขึ้นสามารถใช้งานได้จริง


บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
1.การประดิษฐ์

       หมายถึง งานที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สร้างหรือประดิษฐ์ขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย หรือเพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งหรือเพื่อประโยชน์ใช้สอย

2.ปืนยิงกาว
       ประกอบด้วยส่วนใช้งานสองส่วนด้วยกัน นั่นก็คือส่วนที่มีลักษณะคล้ายปืน ทำหน้าที่เป็นตัวที่ทำความร้อนและช่วยให้เราสามารถติดกาวร้อนนั้นในบริเวณที่ต้องการได้สะดวก และอีกส่วนหนึ่งก็คือตัวกาวเอง ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง คล้ายเทียนไข และจะละลายเป็นเนื้อกาวที่มีความเหนียวเมื่อเราใส่ไส้กาวลงไปในปืนซึ่งทำความร้อนจากกระแสไฟฟ้า
        2.1วิธีใช้ปืนยิงกาว
1. บรรจุแท่งกาวลงในปืนยิงกาวร้อน
2. เสียบปลั๊กทิ้งไว้จนกาวร้อน ประมาณ 5-6 นาที สังเกตเมื่อบีบไกปืนจะมีเนื้อกาวไหลออกมา ควรรอจนกว่าจะสามารถบีบกาวออกมาได้สะดวกนะคะ ถ้าฝืนกดไกปืนในขณะที่ยังมีความร้อนไม่พอให้แท่งกาวละลาย ไกปืนจะแข็งมาก จนอาจทำให้ตัวยิงกาวพังได้ค่ะ
3. นำไปติดวัสดุที่ต้องการ
4. จับวัสดุที่ติดค้างไว้ประมาณ 1-2 นาที เพื่อให้กาวเย็นตัวลง
5. เมื่อเลิกใช้งานแล้วอาจมีปัญหาว่ากาวยังไม่ยอมหยุดไหล ให้จับแท่งกาวดึงถอยกลับมาเล็กน้อย กาวก็จะหยุดไหลได้สนิท




       2.2ข้อควรระวังในการใช้กาวร้อน
1. ควรทิ้งระยะให้ปืนกาวร้อนมากพอที่จะทำให้แท่งกาวละลาย และควรเว้นระยะให้ปืนกาวร้อนเต็มที่ก่อนจะนำไปติดชิ้นงานต่อไป
2. อย่าจับที่ปลายปืนกาวโดยเด็ดขาดเพราะมีความร้อนสูง
3. กาวที่ละลายจะมีัความร้อนสูงเช่นกัน ดังนั้นควรระวังไม่ให้โดนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายขณะใช้งาน
4. ควรเพิ่มความระวังมากขึ้นเมื่อใช้ปืนกาวขนาดใหญ่ 40-80W เพราะความร้อนจะสูงกว่าปืนกาวขนาดเล็ก














ขอบเขตการศึกษา
        กลุ่มของข้าพเจ้าได้ศึกษาการทำเคสโทรศัพท์จากกาวร้อน สถานที่ทำการประดิษฐ์ที่ บ้านเลขที่ 56/4 หมู่ที่ 7 อำเภอ เมือง จังหวัด ตาก ระยะเวลาที่กำหนดในการประดิษฐ์ วัน พฤหัสบดี ที่ 3 พฤษจิกายน 2559-วัน พฤหัสบดี ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
        1.ได้ประดิษฐ์เคสโทรศัพท์จากกาวร้อน
2.ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
3.ฝึกสมาธิและความคิดสร้างสรรค์
4.ลดค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้เพิ่ม











วิธีดำเนินการ
วัสดุอุปกรณ์
1.กาวแท่ง
2.ปืนยิงกาว
3.โทรศัพท์
4.ถุงพลาสติก
5.สก็อตเทป
6.กรรไกร
วิธีการทำ
1.นำโทรศัพท์ห่อใสถุงพลาสติกใส จากนั้นติดสก็อตเทปให้แน่น
2.ใช้ปืนยิงกาวทาให้ทั่วขอบโทรศัพท์ แล้วรอให้แห้ง
3.แกะถุงลาสติกออกจากโทรศัพท์
4.นำกรรไกรตัดส่วนเกินของกาวออก





บทที่4
ผลการศึกษาค้นคว้า
        ในการประดิษฐ์ครั้งนี้ทำเห็นว่า ปืนยิงกาวและกาวแท่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆได้ สามารถนำไปผลิตด้วยตนเองได้ วิธีการต่างๆไม่ซับซ้อน ใช้ต้นทุนน้อย ทั้งยังนำมาสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับตนเองได้อีกด้วย















บทที่5
สรุปผลอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผล
       จากการประดิษฐ์เคสทรศัพท์จากกาวร้อน สรุปผลได้ว่าเป็นการสร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการ ลดค่าจ่าย ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์มีความสวยงาม และสามารถนำมาใช้กับโทรศัพท์ในแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดี
อภิปรายผล
        การประดิษฐ์เคสโทรศัพท์จากกาวร้อนสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากมีการสร้างสรรค์รูปทรงแปลกใหม่สะดุดตา สามารถนำมาประดิษฐ์ได้ง่ายและวิธีทำไม่ยากจนเกินไป มีความเหนียวยืดหยุ่น มีความคงทน สวยงาม น่าดึงดูด
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
1.ฝึกความคิดสร้างสรรค์
2.มีความรับผิดชอบมีความสามัคคีเพิ่มมากขึ้น
3.ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
4.รู้จักการวางแผนในการทำงาน
ข้อเสนอแนะ
1.ควรทำให้มีรูปแบบต่างๆใช้ประดิษฐ์ได้อย่างหลากหลาย
2.มีความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์


บรรณานุกรม
Quest.2558.เคสโทรศัพท์ ทำจากกาวร้อน.(ออนไลน์).แหล่งที่มา:www.bloggang.com/m/mainblog.20 มกราคม 2560
Yahae.2558.diy ทำเคสเก๋ๆจากกาวร้อน.(ออนไลน์).แหล่งที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=3IsbhZr4YfY .20 มกราคม 2560

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

แนวทางป้องกันภัยจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต

แนวทางป้องกันภัยจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต

1.ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในสถานที่สาธารณะ 
2.ไม่ส่งข้อมูลหรือหลักฐานที่ใช้ยืนยัน เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รหัสอื่นๆ เป็นต้น แก่บุคคลอื่น 
3. ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันการลักพาตัวหรือการถูกทำร้าย
4.ระมัดระวังในการซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง
5. ไม่บันทึกยูสเซอร์เนมหรือพาสเวิร์ดในเครื่ิองคอมพิวเตอณ์สาธารณะ 

สรุปแนวทางป้องกันภัยจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต
ระมัดระวังใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อป้องกันการแฝงตัวของมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆในสื่อออนไลน์ 

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

ความรู้เบื้องต้นของการสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์(Computer Network)

ความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก (อังกฤษcomputer network; ศัพท์บัญญัติว่า ข่ายงานคอมพิวเตอร์) คือเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย (โหนดเครือข่าย) จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคือ อินเทอร์เน็ต
การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกัน เพื่อเพิ่มความสามารถของระบบให้สูงขึ้น และลดต้นทุนของระบบโดยรวมลง
การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันในเครือข่าย ทำให้ระบบมีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น การแบ่งการใช้ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผลหน่วยความจำหน่วยจัดเก็บข้อมูลโปรแกรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีราคาแพงและไม่สามารถจัดหามาให้ทุกคนได้ เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องกราดภาพ (scanner) ทำให้ลดต้นทุนของระบบลงได้
อุปกรณ์เครือข่ายที่สร้างข้อมูล, ส่งมาตามเส้นทางและบรรจบข้อมูลจะเรียกว่าโหนดเครือข่าย. โหนดประกอบด้วยโฮสต์เช่นเซิร์ฟเวอร์, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่าย อุปกรณ์สองตัวจะกล่าวว่าเป็นเครือข่ายได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการในเครื่องหนึ่งสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกระบวนการในอีกอุปกรณ์หนึ่งได้
เครือข่ายจะสนับสนุนแอปพลิเคชันเช่นการเข้าถึงเวิลด์ไวด์เว็บ, การใช้งานร่วมกันของแอปพลิเคชัน, การใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับเก็บข้อมูลร่วมกัน, การใช้เครื่องพิมพ์และเครื่องแฟ็กซ์ร่วมกันและการใช้อีเมลและโปรแกรมส่งข้อคว
ชนิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์



นิดของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 

เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งแยกออกตามสภาพการเชื่อมโยงได้เป็น 3 ชนิดคือ            1. เครือข่ายท้องถิ่น หรือเครือข่ายแลน (Local Area Network : LAN)           2. เครือข่ายระดับเมือง หรือเครือข่ายแมน (Metropolitan Area Network : MAN)           3. เครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายแวน (Wide Area Network : WAN)เครือข่ายท้องถิ่น (LAN)           เครือข่ายแลน หรือเครือข่ายท้องถิ่น เป็นเครือข่ายขนาดเล็ก ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้าง ซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องที่บริเวณเดียวกันเข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์การที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก เครือข่ายแลนจัดได้ว่าเป็นเครือข่ายเฉพาะขององค์การ การสร้างเครือข่ายแลนนี้องค์การสามารถดำเนินการทำเองได้ โดยวางสายสัญญาณสื่อสารภายในอาคาร หรือภายในพื้นที่ของตนเอง เครือข่ายแลนมีตั้งแต่เครือข่ายขนาดเล็กที่เชือมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป ภายในห้องเดียวกัน จนถึงเชื่อมโยงระหว่างห้อง หรือองค์การขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย มีการวางเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในมหาวิทยาลัย เครือข่ายแลนจึงเป็นเครือข่ายที่รับผิดชอบโดยองค์การที่เป็นเจ้าของรูปที่ 1 ระบบเครือข่ายภายใน (LAN)           ลักษณะสำคัญของเครือข่ายแลนคือ อุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครือข่ายสามารถส่งสัญญาณกันด้วยความเร็วสูงมาก โดยทั่วไปมีความเร็วตั้งแต่หลายสิบล้านบิตต่อวินาที การสื่อสารในระยะใกล้จะมีความเร็วในการสื่อสารสูง ทำให้การรับส่งข้อมูลมีความผิดพลาดน้อย และสามารถรับส่งข้อมูลจำนวนมากในเวลาจำกัดได้เครือข่ายระดับเมือง (MAN)        เป็นเครือข่ายที่ใช้ภายในเมือง หรือภายในจังหวัด เป็นระบบที่มีขนาดกลางอยู่ระหว่าง เครือข่ายแลน กับ เครือข่าย แวน              รูปที่ 2 ระบบเครือข่ายระดับเมือง (MAN)เครือข่ายระดับประเทศ (WAN)           เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะห่างไกล เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ มีการติดต่อต่อสื่อสารกันในบริเวณกว้าง เช่น เชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ระหว่างประเทศ การสร้างเครือข่ายระยะไกลจึงต้องอาศัยระบบบริการข่ายสายสาธารณะ เช่น ใช้สายวงจรเช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย ใช้วงจรสื่อสารผ่านดาวเทียม ใช้วงจรสื่อสารเฉพาะกิจที่มีให้บริการแบบสาธารณะ เครือข่ายแวนจึงเป็นเครือข่ายที่ใช้กับองค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่น ธนาคาร มีสาขาทั่วประเทศ มีบริการรับฝากและถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มรูปที่ 3 ระบบเครือข่ายพื้นที่กว้างไกล (WAN)           ในอนาคตอันใกล้นี้ บทบาทของเครือข่ายแวนจะทำให้ทุกบริษัท ทุกองค์การ ทุกหน่วยงานเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของตนเองเข้าสู่เครือข่ายกลาง เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันในระบบที่ต้องติดต่อสื่อสารระหว่างกัน           เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยแก้วนำแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิลทั้งที่วางไปตามถนนและวางใต้น้ำ เทคโนโลยีของการเชื่อมโยงได้รับการพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังไม่พอเพียงกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
1.โมเด็ม (Modem)    โมเด็มเป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณแอนะล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตัล เมื่อข้อมูลถูกส่งมายังผู้รับละแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นแอนะล็อก เมื่อต้องการส่งข้อมูลไปบนช่องสื่อสาร  กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก เรียกว่า มอดูเลชัน (Modulation) โมเด็มทำหน้าที่ มอดูเลเตอร์ (Modulator) กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็นสัญญาณดิจิตัล เรียกว่า ดีมอดูเลชัน (Demodulation) โมเด็มหน้าที่ ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator)โมเด็มที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมี 2 ประเภทโมเด็กในปัจจุบันทำงานเป็นทั้งโมเด็มและ เครื่องโทรสาร เราเรียกว่า Faxmodem
2. การ์ดเครือข่าย (Network  Adapter) หรือ การ์ด LAN     เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเครื่องต่างกันได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นหรือยี่ห้อเดียวกันแต่หากซื้อพร้อมๆกันก็แนะนำให้ซื้อรุ่นและยีห้อเดียวกันจะดีกว่าและควรเป็น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบ ISAและเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆมักจะไม่มี Slot  ISA ควรเป็นการ์ดที่มีความเร็วเป็น 100 Mbpsซึ่งจะมีราคามากกว่าการ์ดแบบ 10 Mbps ไม่มากนัก แต่ส่งขอมูลได้เร็วกว่า นอกจากนี้คุณควรคำหนึงถึงขั้วต่อหรือคอนเน็กเตอร์ของการ์ดด้วยโดยทั่วไปคอนเน็กเตอร์ ของการ์ด LAN จะมีหลายแบบ เช่น BNC , RJ-45 เป็นต้น ซึ่งคอนเน็กเตอร์แต่ละแบบก็จะใช้สายที่แตกต่างกัน
3. เกตเวย์ (Gateway)     เกตเวย์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์หน้าที่หลักคือช่วยให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์  2 เครือข่ายหรือมากกว่า ซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน
4. เราเตอร์ (Router)     เราเตอร์เป็นอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงให้เครือข่ายที่มีขนาดหรือมาตรฐานในการส่งข้อมูลต่างกัน สามารถติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ เราเตอร์จะทำงานอยู่ชั้น Network หน้าที่ของเราเตอร์ก็คือ ปรับโปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเป็นมาตรฐานในการสื่อสารข้อมูล บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์) ที่ต่างกันให้สามารถสื่อสารกันได้
5. บริดจ์ (Bridge)     บริดจ์มีลักษณะคล้ายเครื่องขยายสัญญาณ บริดจ์จะทำงานอยู่ในชั้น Data Link บริดจ์ทำงานคล้ายเครื่องตรวจตำแหน่งของข้อมูล โดยบริดจ์จะรับข้อมูล จากต้นทางและส่งให้กับปลายทาง โดยที่บริดจ์จะไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงใดๆแก่ข้อมูล บริดจ์ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายมีประสิทธิภาพลดการชนกัน ของข้อมูลลง บริดจ์จึงเป็นสะพานสำหรับข้อมูลสองเครือข่าย
6. รีพีตเตอร์ (Repeater)     รีพีตเตอร์ เป็นเครื่องทบทวนสัญญาณข้อมูลในการส่งสัญญาณข้อมูลในระยะทางไกลๆสำหรับสัญญาณแอนะล็อกจะต้องมีการขยายสัญญาณข้อมูลที่ี่เริ่มเบาบางลงเนื่องจากระยะทาง และสำหรับสัญญาณดิจิตัลก็จะต้องมีการทบทวนสัญญาณเพื่อป้องกันการขาดหายของสัญญาณเนื่องจากการส่งระยะทางไกลๆเช่นกัน รีพีตเตอร์จะทำงานอยู่ในชั้น Physical7.  สายสัญญาณ     เป็นสายสำหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเข้าด้วยกัน หากเป็นระบบที่มีจำนวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่องก็จะต้องต่อผ่านฮับอีกทีหนึ่ง โดยสายสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อเครื่องในระบบเครือข่าย จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ      -สาย Coax  มีลักษณะเป็นสายกลม  คล้ายสายโทรทัศน์  ส่วนมากจะเป็นสีดำสายชนิดนี้จะใช้กับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร  สายประเภทนี้จะต้องใช้ตัว T Connector สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณกับการ์ด LAN ต่างๆในระบบ และต้องใช้ตัว Terminator ขนาด 50 โอห์ม  สำหรับปิดหัวและท้ายของสาย   -     สาย UTP (Unshied  Twisted  Pair)  เป็นสายสำหรับการ์ด  LAN ที่ใช้คอนเน็กเตอร์แบบ RJ-45  สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคุณใข้สายแบบนี้จะต้องเลือกประเภทของสายอีก โดยทั่วไปนิยมใช้กัน 2 รุ่น  คือ  CAT 3 กับ CAT5 ซึ่งแบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสัญญาณ10 Mbps และแบบ CAT 5 จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ 100 Mbps แนะนำว่าควรเลือกแบบ CAT 5 เพื่อการอัพเกรดในภายหลังจะได้ไม่ต้องเดินสายใหม่  ในการใช้งานสายนี้  สาย 1 เส้นจะต้องใช้ตัว RJ - 45 Connector จำนวน 2 ตัว  เพื่อเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสายสัญญาณจากการ์ด LAN ไปยังฮับหรือเครื่องอื่น เช่นเดียวกับสายโทรศัพท์ ในกรณีเป็นการเชื่อมต่อเครื่อง 2 เครื่องสามารถใช้ต่อผ่านสายเพียงเส้นเดียได้แต่ถ้ามากกว่า 2 เครื่อง ก็จำเป็นต้องต่อผ่านฮับ
8.  ฮับ (HUB)      เป็นอุปกรณ์ช่วยกระจ่ายสัญญาณไปยังเครื่องต่างๆที่อยู่ในระบบ หากเป็นระบบเครือข่ายที่มี 2 เครื่องก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับสามารถใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อ ถึงกันได้โดยตรง  แต่หากเป็นระบบที่มีมากกว่า 2 เครื่องจำเป็นต้องมีฮับเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการเลือกซื้อฮับควรเลือกฮับที่มีความเร็วเท่ากับความเร็ว ของการ์ด เช่น  การ์ดมีความเร็ว  100 Mbps ก็ควรเลือกใช้ฮับที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ด้วย ควรเป็นฮับที่มีจำนวนพอร์ตสำหรับต่อสายที่เพียงพอกับ เครื่องใช้ในระบบ  หากจำนวนพอร์ตต่อสายไม่เพียงพอก็สามารถต่อพ่วงได้  แนะนำว่าควรเลือกซื้อฮับที่สามารถต่อพ่วงได้  เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
สรุปความรู้ที่ได้รับ
ได้รู้ถึงความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Computer Network)และยังได้รู้องค์ประกอบต่างๆที่ใช้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อีกด้วย
http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/tech04/24/n2.html